จบดราม่าเจ้าของร้าน Vs Illslick เคลียร์กันแล้วแจงแค่เรื่องเข้าใจผิด

ดรามาระลอกใหม่ กรณีเจ้าของร้าน ออกมาโพสต์แฉพฤติกรรมนักร้องท่านหนึ่ง เจ้าของฉายา นักกวี ที่จ้างมาเล่นที่ร้านด้วยค่าจ้างราคาแพง แต่การแสดงธรรมดา อีกทั้งยังทำตัวยังกับตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่สนใจคนอื่น ซ้ำยังปล่อยให้แฟนคลับนั่งรอ โดยมีข้อความร่ายยาวประมาณว่า
“ผมว่าผมจะไม่พูดถึงละนะแต่คุณเริ่มก่อน…การจ้างคุณมาเล่นเป็นงานที่ทุกคนในร้านเหนื่อยทั้งกายและใจกันที่สุดตั้งแต่เปิดร้านมา 5 ปี ความเห็นส่วนตัวนะครับ คอนเสิร์ตครั้งนี้มีการเซ็นสัญญาก่อน คุณจะมีประเด็นกับนักร้องท่านอื่น จนทำให้ทางผมต้องเลื่อนการโปรโมตการมาเล่นของทางคุณไป ให้กระแสมันลดลงก่อน ส่วนเรื่องราคาตั๋วทำไมต้องราคานี้ คุณลืมอะไรป่าวว่าค่าตัวคุณ 450,000 บาท+ค่าที่พัก+ค่าเอนเตอร์เทนคุณ+ค่าภาษีที่ต้องจ่ายเป็นเท่าไรละครับ
สรุปค่าโต๊ะ+ค่าตั๋วทางร้านขายได้เป็นเงิน 200,000 – 270,000 (วันนี้ผมจะเข้าไปสรุปยอด) ขาดทุนมหาศาล..คุณยังมาปากดีอีกนะไ-้กวี. การแสดงของคุณ 40 – 45 นาทีกับการแสดงที่ธรรมดาโคตรๆและนิสัยแบบคุณผมนึกว่าเมื่อคืนผมจ้างเด็ก 3 ขวบมาเล่นคอนเสิร์ต ทำตัวยังกับตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่สนใจคนอื่น ทางร้านได้ตกลงกับคนดีลงานว่า หลังจากเล่นคอนเสิร์ตเสร็จคุณต้องมาแจกลายเซ็นแฟนคลับ
แต่คุณให้แฟนคลับคุณนั่งรอคุณนับ 100 คน 1 ชม.30 นาทีแต่คุณกลับโดยไม่ชี้แจงอะไรทั้งสิ้น บางคนขับรถมาจากนครศรีธรรมราช บางคนมาจากจันทบุรี บางคนมาจากโคราช บางคนเอาเค้กมาให้คุณ รอคุณอยู่ด้วยความรักในตัวคุณ คุณยังทิ้งพวกเขาเลย อย่ามาพูดเอาหล่อ เอาว่าตัวเองดูดีเลยครับ นิสัยแบบคุณถ้าทำบ่อยๆจากนิสัยจะกลายเป็นสันดานและจะเป็นสันดานที่ไม่ดีด้วย….
#10ปากว่าไม่เท่าตาเห็น ผมเห็นสันดานคุณกับตาแล้วครับหนักกว่าที่เขาพูดกันอีกไ-้กวีขี้หมา!!! การค้าขายไม่มีคำว่านรกหรือสวรรค์มีแต่กำไรหรือขาดทุน..ผมขาดทุนผมไม่ว่าเรื่องเล็ก แต่สิ่งที่คุณทำกับFCคุณเอง ทำร้ายความรู้สึกทำร้ายจิตใจทั้งๆที่คนเหล่านั้นเขาารักคุณคุณยังทำพวกเขาแบบนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ..
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณว่าเงินไม่ได้สำคัญไม่ได้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์คุณก็มาเล่นฟรีหรือค่าตัวซัก 1 แสนสิผมจะได้ขายตั๋ว300ทุกคน ไม่ใช่ค่าตัวขนาดนี้แต่เล่นได้แค่นี้อ่ะนะ ถ้ารู้ก่อนเอาค่าตัวที่จ้างคุณไปซื้ออาหารแจกหมาจรจัดดีกว่าโอเคนะครับไ-้กวี!!!”

โพสต์นี้กลายเป็นดรามา และทำให้โซเชียลชี้เป้าไปที่ แร็ปเปอร์ดัง อิลสลิก Illslick (ทิฆัมพร เวชไทยสงค์) ที่เพิ่งมีดรามากับร้านอื่นก่อนหน้านี้ รวมทั้งพูดพาดพิงร็อกสตาร์นักวิ่ง
ซึ่งทางอิลสลิก ได้โพสต์ว่า

“ราคาค่าตั๋วไม่ว่าจะมากหรือน้อย ไม่ได้วัดคุณค่าของคนฟัง ไม่ได้แปลว่าใครรักศิลปินมากกว่าใคร คนที่มีเงินน้อยจองตั๋วได้แค่ด้านหลังก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักศิลปิน คนที่มีเงินมากอยู่หน้าสุดก็ไม่ได้แปลว่ารู้จักหรือร้องเพลงได้ทุกเพลง เงินไม่ได้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเงินมากหรือน้อยก็เท่าเทียมกัน ผมรักคนที่ฟังผมจริงๆทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง ซื้อตั๋วกี่บาทก็ตาม ฝากไปถึงทุกๆที่ที่ผมจะไปแสดงที่เหลือ ไม่ว่าแฟนเพลงคนไหนจะซื้อตั๋วกี่บาท ผมอยากให้ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ใส่ใจไม่ต่างกันไม่ว่าคนพวกนั้นจะยืนที่ไหน ทุกคนคือคนฟังของผมครับ”
เวลาต่อมา ทางเจ้าของร้านได้โพสต์คืบหน้าของเรื่องนี้ว่า

หลังจากที่ได้พูดคุยกับทางศิลปินเองแล้วทำให้เข้าใจตรงกันและพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากการประสานงานที่ผิดพลาด และเกิดความเข้าใจ ทางศิลปินเองก็นั่งรอที่จะแจกลายเซ็น แต่ไม่เห็นแฟนเพลงว่าอยู่ตรงไหน คนที่ทำหน้าที่จะแจ้งก็ไม่ได้เข้ามาแจ้งโดยตรง หรืออธิบายว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งโดยปกติการแจกลายเซ็นไม่ได้รวมอยู่ในข้อตกลง แต่เป็นความเต็มใจของศิลปินที่จะทำให้ และปกติก็แจกทุกร้านตามเวลาเหมาะสม แต่ในคืนนั้นมีการสื่อสารที่ผิดพลาด ซึ่งตัวเจ้าของร้านเองก็ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาคุยกับศิลปินเอง และตัวศิลปินเองก็เข้าใจว่าท่านอื่นเป็นเจ้าของร้าน จนถึงเวลาร้านปิดยังเดินไปไม่เจอใครที่รถ ก็เข้าใจผิดว่าเพราะไม่มีคนมารอ
ส่วนโพสต์ของพี่อิลที่โพสต์ ทำให้ร้านเข้าใจผิดว่าเป็นการต่อว่าร้าน ได้มีการพูดคุยกันและอธิบายแล้วว่าเป็นการพูดถึงน้องแฟนคลับที่เสียใจ น้อยใจตัวเองที่มีเงินซื้อบัตรแค่ด้านหลัง ทางพี่อิลเลยปลอบใจว่าคนซื้อบัตรไม่แพงไม่เป็นไรเพราะคนเราเท่าเทียมกัน ไม่มีเจตนานาต่อว่าร้านใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่มีสิทธิ์แทรกแซงเรื่องราคาขายบัตรต่างๆอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้เกิดจากความเข้าใจผิด และทางศิลปินเองก็ได้มีการติดต่อส่วนตัวไปยังน้องๆแฟนคลับที่มารอแล้วศิลปินไม่ทราบ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็เคารพและนับถือกันทั้งสองฝ่าย ต่างไม่ได้มีเจตนาทำให้อีกฝ่ายเสียหายเลย สำหรับต่อไปทางศิลปินจะแก้ไขเรื่องการประสานงานที่ผิดพลาดที่เกิดจากตัวแทนโบรกเกอร์ที่ไม่ได้มาดูแลที่ร้านด้วยตัวเอง จนเกิดปัญหาดังกล่าว”

ซึ่งล่าสุด อิลสลิก ได้แชร์ข้อความดังกล่าวของเจ้าของร้าน โดยได้เคลียร์กันแล้ว และจบกันด้วยดี โดยระบุว่า

ผมขอบคุณพี่เจ้าของร้านมากๆครับที่เข้าใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากความเข้าใจผิด แต่หลังจากที่คุยกัน ทำให้ผมเข้าใจว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากจุดประสงค์เดียวกันที่ตรงกับผม คือพี่เจ้าของร้านเองก็ต้องการให้คนฟังของผมได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกันกับผม เพียงแต่การประสานงานผ่านบุคคลอื่นๆ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและข้อผิดพลาดขึ้น ซึ่งกับหลายๆร้านไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันโดยตรง ครั้งนี้ผมดีใจที่ได้เข้าใจกันอย่างแท้จริง ในมุมมองของทั้งสองฝ่าย และต่างจะนำเอาข้อผิดพลาดของทุกๆ ส่วนไปแก้ไขปรับปรุงในครั้งต่อไปครับ”